“ช่วยด้วย! เครื่องคอมพิวเตอร์ต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ได้” เชื่อว่าใครหลายๆ คนคงเคยพูดประโยคทำนองนี้ออกมาเมื่อครั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งตัวช่วยที่ดีอย่างสายแลนถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่บรรดานักท่องโลกอินเตอร์เน็ตต้องการ โดยสายแลนที่ว่าก็มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ จนในปัจจุบันนี้เกิดเป็นสายแลน cat6 ขึ้น แล้วสายแลน cat6 เป็นอย่างไร จะมีคุณภาพเฉกเช่นสายแลนที่ผ่านๆ มาหรือไม่ ไปหาคำตอบกันดีกว่า
สายแลนคุณภาพต้อง cat6
สายแลน cat6 เป็นสายแลนคุณภาพที่ควรเลือกใช้งาน เนื่องจากสายแลน cat6 หรือ Category 6 นี้เป็นสายที่มีพลาสติกคั่นแกนกลางที่ใช้แยกช่องสัญญาณทั้ง 4 คู่สาย 8 เส้น โดยขนาดของแกนทองแดงจะใหญ่อยู่ที่ 23AWG (0.65SQUMM) ถือว่าใหญ่กว่าสายแลนชนิด cat5e ที่มีมาก่อน รวมถึงสายแลน cat6 นี้สัญญาณรบกวนจากภายนอกหรือ Shielded จะไม่ถูกป้องกันเนื่องจากตัวสายแลนไม่มีชนวนป้องกันสัญญาณ โดยสายแลน cat6 จะมีการผลิตแกนทองแดง 2 ชนิด คือมีทั้งแกนทองแดงที่เป็นแบบฝอย (stranded conductor) ซึ่งจะสามารถบิดงอ โค้งได้ เหมาะสำหรับใช้เชื่อมต่อภายในตู้สื่อสารสัญญาณต่างๆ และแบบทองแดงแกนเดี่ยว (Solid conductor) ที่ไม่สามารถบิดงอ โค้งได้เท่าเหมือนแกนทองแดงแบบฝอย จึงเหมาะกับการติดตั้งทั่วๆ ไป และเมื่อถามถึงความเร็วและความถี่ในขั้นสูงสุด สายแลน cat6 จะสามารถส่งความเร็วในสัญญาณขั้นสูงสุดอยู่ที่ Full Speed 1000Mbps หรือ Full Gigabit และมีสัญญาณความถี่ในขั้นสูงสุดอยู่ที่ 650 MHz หรือมาตรฐานอยู่ที่ 250Mhz นั่นเอง
เมื่อพูดถึงตัวสายไปแล้วจะไม่พูดถึงหัวต่อสายก็จะยังไงอยู่ โดยหัวต่อสายแลน cat6 จะเป็นเส้นทองแดงวางสลับฟันปลา ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอย่างคีมบีบหัวแลนต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือตู้ส่งสัญญาณต่างๆ ซึ่งการเชื่อมหัวต่อจะสามารถเชื่อมข้ามสายแลนกันได้ กล่าวคือ หากเราจะเชื่อมสายแลน cat6 เข้ากับหัวต่อสายแลน cat5 ก็สามารถทำได้ เพียงแต่หัวต่อ cat6 จะมีขนาดใหญ่กว่าสายแลน cat5 อยู่หน่อย ต้องใช้คีมบีบหัวต่อ และใช้แรงของเรากดและบีบสายแลนให้เข้าไป ในส่วนของการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตนั้นควรใช้สายยาวประมาณ 100 – 150 เมตร แต่หากใครจะใช้สายแลนเชื่อมสัญญาณเกิน 200 เมตร ก็สามารถทำได้ โดยใช้สานแลนยาวประมาณ 100-150 เมตร ต่อจากเร้าเตอร์หลักไปยังอีกเร้าเตอร์ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ นั่นเอง
สายแลน cat6 ที่ว่านี้ไม่เพียงแต่จะใช้ต่อสัญญาณเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือตู้สื่อสารสัญญาณเท่านั้น ยังสามารถใช้กับแล็ปท็อป โน้ตบุ๊ค โทรทัศน์ เครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมถึงเครื่องเล่นวิดีโอเกมต่างๆ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในทุกๆ ด้านเลยทีเดียว.